เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital) และสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ย่อมสร้างการสั่นสะเทือนต่อบริษัทโดยตรง เนื่องด้วยธุรกิจหลักของ KTBGS เป็นการให้บริหารจัดการและขนส่งทรัพย์สิน (Cash in Transit) อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเตรียมตัวตั้งรับการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี โดยการควบคุมอัตราการเติบโตของบุคลากรด้านงานขนส่งทรัพย์สิน และงานให้บริการด้าน ATM แต่บริษัทยังคงดำเนินนโยบายให้ความสำคัญกับบุคลากร ภายใต้แนวคิดการสร้างองค์กรให้เหมือนบ้านหลังที่ 2 โดยมีหลักในการนำมาปฏิบัติร่วมกันด้วย KTBGS Brand DNA องค์กร “2มือ1ใจ” คือ มือสะอาด มืออาชีพ และใจบริการ
และที่สำคัญคือการบ่มเพาะปลูกฝังให้บุคลากรทุกคน ภายใต้แนวคิดการก้าวสู่องค์กรคุณธรรม นางอรจรรยา จันทวรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท KTBGS ได้เปิดเผยว่า “สืบเนื่องจากการที่บริษัทได้ทำเวิร์กชอป(Workshop) ร่วมกับมูลนิธิยุวสถิรคุณ เพื่อค้นหาคุณธรรมหลักของบ้าน KTBGS ซึ่งได้ออกมาเป็น 3 ข้อ คือ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ มีวินัย ทั้งนี้การชูโครงการ Happy Money เพื่อเป็นการเน้นย้ำ ปลูกฝังการมีวินัย และรับผิดชอบต่อตัวพนักงานเองอย่างเป็นรูปธรรม เพราะพนักงานของเราเกินกว่า 50% มีภาระหนี้สิน และไม่มีความเข้าใจในการเก็บออมเงิน ซึ่งการที่พนักงานเป็นหนี้มีภาระหนี้สิน ย่อมส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย ดังนั้นจึงได้จัดให้มีโครงการ Happy Money เพื่อให้พนักงานได้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในการทำบัญชีรายรับรายจ่าย คิดหารายได้เสริม และจัดการหนี้ได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาการเงินได้ด้วยตนเอง”
โดยหลักๆ เราได้โฟกัสในส่วนของพนักงานทั้งหมด 4 กลุ่มคือ กลุ่มที่ไม่เป็นหนี้เลย, กลุ่มที่กำลังจะเป็นหนี้, กลุ่มที่เป็นหนี้แล้ว และกลุ่มที่กำลังจะเกษียณ ซึ่งพอแบ่งออกมาเป็น 4 กลุ่มก็จะทำให้เราพบปัญหาได้อย่างชัดเจนว่าจะมีการจัดการในแต่ละกลุ่มได้ โดยโครงการ Happy Money นี้จะมีผู้เชี่ยวชาญมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (The Securities Exchange of Thailand) หรือ SET มาบรรยายให้แก่ Trainer ซึ่งเป็นตัวแทนพนักงานของบริษัท เพื่อส่งต่อความรู้ที่ได้รับมาแก่ Trainee ให้ตระหนักและรู้จักการวางแผนทางเงิน มีวินัย รู้จักเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน ให้กับพนักงานในทุกระดับ ภายใต้ Concept สุขกาย สุขใจ สุขเงิน
นอกจากนี้ยังมีการเปิดโอกาสช่องทางในการหารายได้เสริมทั้งในรูปแบบตลาดนัดภายในบริษัท จัดขึ้นทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีช่วงพักกลางวัน และตลาดนัดในรูปแบบออนไลน์ ผ่านช่องทาง Line Group และ Facebook Group เพื่อให้พนักงานมีการสร้างรายได้เสริมจากรายได้ประจำ ก็จะทำให้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นและสามารถนำมาบรรเทาหนี้เดิมที่มีอยู่ได้ ซึ่งจากรุ่นแรกที่ได้ทำการทดลองพบว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี พนักงานมีรายได้เพิ่มขึ้น และหนี้สินลดลง ถึงแม้ว่าจะยังไม่อยู่ในอัตราที่สูงมาก แต่ก็สามารถสร้างค่านิยมที่ดีได้และส่งต่อไปยังคนอื่นๆได้อีกด้วย อีกทั้งพนักงานยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิต พร้อมทั้งมีระเบียบวินัยในการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต และเราก็จะสร้างความต่อเนื่องของโครงการ Happy Money ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่พนักงานของเราจะได้รับประโยชน์สูงสุดในการใช้ชีวิตต่อไป
นางอรจรรยา จันทวรสุทธิ์ กล่าวเสริม “เพราะเราไม่ได้ดูแลแค่บุคลากรที่ทำงานกับเราเท่านั้น แต่บุคลากรหรือพนักงานแต่ละคนยังมีพ่อ แม่ ครอบครัว ลูก ภรรยา หรือสามี ที่อยู่เบื้องหลังอีก ดังนั้น เราเชื่อว่า หากคนหนึ่งคนดี ไม่มีหนี้สิน มีความสุขแบบพอเพียงไปยังครอบครัวได้ ครอบครัวก็จะดีตาม ส่งผลให้สังคมและประเทศชาติในภาพรวมดีด้วยอีกเช่นกัน”